รวบแล้ว! โจรต่างชาติ บุกจี้ร้านแลกเงิน ธ.ออมสิน

รวบแล้ว! โจรต่างชาติ บุกจี้ร้านแลกเงิน ธ.ออมสิน

จากกรณีที่มีโจรต่างชาติบุกเข้าจี้ชิงเงินที่ร้านแลกเปลี่ยนเงินตราภายในธนาคารออมสินสาขาพร้อมพงษ์ ข้างห้างเอ็มควอเทียร์ ฝั่งตรงข้ามซอยสุขุมวิท 24 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. เมื่อเย็นวันที่ 16 ต.ค. ที่ผ่านมา ล่าสุด วันนี้ (17 ต.ค.) ชุดสืบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) สามารถจับกุมชายรายดังกล่าวได้แล้ว

โดยชาวต่างชาติรายนี้มีชื่อว่า นายโดแลน พอล เจฟฟรีย์ ชาวออสเตรเลีย ซึ่งหลังจับกุม ตำรวจได้ถูกนำตัวส่งสอบสวนดำเนินคดีที่ สน.ทองหล่อ

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ได้พบภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกภาพใบหน้าของคนร้ายได้อย่างชัดเจน ขณะเข้าไปภายในอาคารแห่งหนึ่ง ใกล้ที่เกิดเหตุ หลังก่อเหตุ โดยพบว่าคนร้าย ได้เข้าไปเปลี่ยนเสื้อจากเสื้อสีขาวเป็นเสื้อสีดำ แล้วถอดหมวกและแมสปิดปากออก แต่ยังสวมกางเกงขาสั้นตัวเดิม จากนั้นเดินออกมาจากอาคาร ทำให้เห็นหน้าผู้ต้องสงสัยได้อย่างชัดเจน

วานนี้ (16 ต.ค.) ตำรวจสน.ทองหล่อ ได้รับแจ้งเหตุชิงทรัพย์ร้านแลกเปลี่ยนเงินตรา ภายในธนาคารออมสิน สาขาพร้อมพงษ์ ข้างห้างเอ็มควอเทียร์ ฝั่งตรงข้ามซอยสุขุมวิท 24 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. ในที่เกิดเหตุเป็นร้านแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของธนาคารออมสิน อยู่ติดกับสะพานลอยคนข้าม พบพนักงานหญิง 1 คน ยืนรออยู่ในอาการตกใจ ให้การว่า มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน ลักษณะคล้ายชาวต่างชาติ อายุประมาณ 40 – 45 ปี สูงประมาณ 170 ซ.ม. ใส่กางเกงขาสั้น เสื้อยืดสีขาว-ฟ้า สวมหมวกแก๊ปสีเหลือง ใส่แว่นตาดำ ใส่หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า สะพายเป้สีม่วง เดินเข้ามาและใช้อาวุธมีดจี้บังคับพนักงาน จะให้เปิดตู้เซฟ

ทางพนักงานขัดขืน คนร้ายจึงหยิบธนบัตรซึ่งเป็นเงินไทย เงินยูเอสดอลลาร์ และเงินญี่ปุ่น รวมทั้งหมดประมาณ 6 หมื่นบาท วิ่งหลบหนีไปขึ้นวินจักรยานยนต์รับจ้างหน้าห้าง ก่อนจะหลบหนีไป เจ้าหน้าที่พบว่า คนร้ายได้ให้จักรยานยนต์รับจ้างไปส่งบริเวณสีลมซอย 4 ขณะนี้เจ้าหน้าที่จึงกำลังเร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดี

วันนี้ (17 ต.ค.) ตำรวจได้จับกุม นายสืบพงศ์ หรือนายนอฟ (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ชาว จ.ปทุมธานี ในข้อหาข่มขืนกระทำชาเราเด็กอายุยังไม่ เกินสิบสามปี โดยจับกุมได้ที่คอนโดแห่งหนึ่ง ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

ตำรวจเผยว่า ประมาณเดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว นายสืบพงศ์ ก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเราลูกเลี้ยงอายุ 12 ปี ซึ่งผู้ต้องหาเลี้ยงดูเองมาตั้งแต่อายุ 2 ขวบ โดยขณะเกิดเหตุนายสืบพงศ์ฉวยโอกาสขณะที่แม่เด็กออกไปทำงาน นายสืบพงศ์ ได้ล่อลวงเด็กไปทำอนาจาร และลงมือข่มขืนหลายครั้ง ซึ่งเหตุดังกล่าวเกิดที่บ้านพักในพื้นที่ อ.เมืองนนทบุรี

ต่อมาแม่ของเด็กผู้เสียหายสังเกตเห็นความผิดปกติของบุตรสาว จากที่เป็นเด็กร่าเริงกลายเป็นเด็กซึมเศร้าผิดปกติ จึงสอบถามจนทราบความจริงว่าถูกนายสืบพงศ์พ่อเลี้ยงข่มขืน และจากการตรวจสอบในไอแพดของนายสืบพงศ์ ยังพบว่ามีการโพสต์รูปภาพลักษณะลามกอนาจารกับลูกเลี้ยงลงในกลุ่มลับเฉพาะ อีกทั้งยังมีการสนทนากันภายในกลุ่มถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แม่ของเด็ก จึงรีบพาบุตรสาวเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี

เร่งล่ามือยิงถล่ม ผู้ช่วย ส.ส.ภูมิใจไทย ดับคารถ

จากกรณีที่ นายสุนทร เรืองแก้ว อายุ 50 ปี ชาว อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ในพื้นที่พัทลุง และผู้ช่วย นายฉลอง เทิดวีระพงษ์ ส.ส.พัทลุง เขต 2 พรรคภูมิใจไทย ถูกคนร้าย ใช้อาวุธปืนสงคราม เอ็ม16 ถล่มยิงจนเสียชีวิตคารถยนต์ บริเวณริมถนนสายหัวถนนท่านช่วย-ชะรัด หมู่ 6 ต.นาท่อม อ.เมืองพัทลุง

ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (17 ต.ค.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เผยว่า ได้รับรายงานจากสภ.โคกชะงาย จ.พัทลุง ว่า เมื่อวันที่ 16 ต.ค. เวลาประมาณ 17.40 น. เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุ คนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นายสุนทร จนถึงแก่ความตาย หลังเกิดเหตุ พนักงานสอบสวนพร้อมแพทย์ได้ร่วมกันชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตและดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งได้เข้าตรวจสถานที่เกิดเหตุ เพื่อเก็บวัตถุพยาน ลายนิ้วมือแฝง และเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ทำแผนที่เกิดเหตุ ถ่ายภาพที่เกิดเหตุ

นอกจากนี้ยังได้ ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อตรวจสอบรูปพรรณคนร้ายว่าตรงกับข้อมูลอาชญากรของใครหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนกำลังไล่กล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายได้ใช้หลบหนี และในวันนี้ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันลงไปทำการตรวจสถานที่เกิด เพื่อเก็บรวบรวมพยานหลักฐานโดยละเอียดอีกครั้ง

ทั้งนี้ ในเบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ส่งศพไปให้แพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพและตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อนำผลมาประกอบคดี และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้ลงพื้นที่หาเบาะแสเพื่อตรวจสอบหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุ ตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ของผู้เสียชีวิต รวบรวมพยานหลักฐาน และจะมีการสอบปากคำพยาน รวมทั้งญาติที่เกี่ยวข้อง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง ซึ่งตำรวจจะยังไม่ฟันธงไปที่ประเด็นใด และยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้งไป

พนักงานสอบสวน ได้ขออำนาจศาล อนุมัติหมายจับ ขณะที่นายสืบพงศ์ ไหวตัวทันรีบหลบหนีออกจากพื้นที่ โดยอาศัยอยู่ไม่เป็นหลักแหล่งจนทำให้ยากต่อการตามจับกุม

แนะนำ : เคล็ดลับต่างๆ | เว็บรวมวิธีต่างๆ How to | จัดอันดับซีรีย์ | รีวิวครีม